กิจกรรมเกี่ยวข้าวใต้แสงจันทร์ (ข้าวระยะเม่า)

นายอำพน ศิริคำ เกษตรจังหวัดหนองบัวลำภูร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาและมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีจัดงานเกี่ยวข้าวใต้แสงจันทร์ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2568 ณ ศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนบ้านสุขสำราญ ตำบลฝั่งแดง อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู โดยนางสาวอรอาภา โล่ห์วีระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู เป็นประธานเปิดงานและร่วมเกี่ยวข้าวใต้แสงจันทร์กับส่วนราชการ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนข้าวฮางบ้านสุขสำราญและกลุ่มแปลงใหญ่ข้าวตำบลอุทัยสวรรค์

การจัดงานเกี่ยวข้าวใต้แสงจันทร์ ในวันนี้ มีวัตถุประสงค์ ดังนี้

1. เพื่อประชาสัมพันธ์เรื่องราว (Story) ของการผลิตข้าวพรหมจรรย์ ที่ต้องเก็บเกี่ยวในห้วงเวลาที่ไม่มีแสงแดด เพื่อคงคุณค่าทางโภชนาการ คงความหอมและ สีเขียวมรกตของข้าวระยะเม่า

2. เพื่อนำงานวิจัยสู่ไร่นา โดยเกษตรจังหวัดหนองบัวลำภู ได้จัดทำโครงการวิจัยแปรรูป ข้าวหอมมะลิระยะเม่า ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี โดยกำหนดกิจกรรมดังนี้ 1. การอบรมถ่ายทอดความรู้ กระบวนการผลิตข้าวพรหมจรรย์ (ข้าวหอมมรกต) ทั้งการบรรยายและฝึกปฏิบัติแก่เกษตรกรเป้าหมาย จำนวน 2 กลุ่ม ได่แก่ วิสาหกิจชุมชนข้าวฮางบ้านสุขสำราญ ตำบลฝั่งแดง และกลุ่มแปลงใหญ่ข้าวตำบลอุทัยสวรรค์ อำเภอนากลาง รวมจำนวน 80 ราย ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น. โดยวิทยากรจากทีมวิจัย

2. การเกี่ยวข้าวใต้แสงจันทร์ โดยส่วนราชการพร้อมด้วยเกษตรกร ร่วมกันเกี่ยวข้าวเพื่อนำมาผลิตข้าวพรหมจรรย์ ต่อไป

ทั้งนี้ จังหวัดหนองบัวลำภู ได้ผลิตข้าวพรหมจรรย์เป็นปีที่ 3 เป็นการเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร จำหน่ายกิโลกรัมละ 120 – 300 บาท แต่ยังมีปัญหา องค์ความรู้ ในกระบวนการผลิตที่เหมาะสม ดังนั้นการนำโครงการวิจัยมาต่อยอด จะทำให้ได้ทั้งคุณภาพและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต โดยการถ่ายทอด องค์ความรู้ สนับสนุนเครื่องนึ่งข้าวฮาง ที่ได้มาตรฐาน ขนาดบรรจุ 60 – 80 กิโลกรัม พร้อมบรรจุภัณฑ์ ในปี 2569 จังหวัดหนองบัวลำภู ได้รับงบประมาณ งบพัฒนาจังหวัดเพื่ออบรม การผลิตข้าวพรหมจรรย์ จำนวน 210 ราย (อำเภอนากลาง 2 รุ่นๆละ 30 ราย อีก 5 อำเภอๆละ 30 ราย) จะเริ่มดำเนินการ ตั้งแต่ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป

การผลิตข้าวพรหมจรรย์ จึงเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตรที่ราคาตกต่ำให้ได้ราคาสูง ในการยกระดับรายได้ให้กับเกษตรกรชาวหนองบัวลำภู ตรงกับวิสัยทัศน์จังหวัดหนองบัวลำภู ที่ว่า” เกษตรเพิ่มมูลค่า เมืองผ้า น่าอยู่น่าเที่ยว”

Scroll to Top